พื้นฐานข้อแรก ๆ ของคนที่มีความสนใจในการแต่งบ้าน หรือกำลังจะเริ่มลงมือแต่งห้องเองครั้งแรกนั้น ต้องรู้ใจตัวเองก่อนว่าเราชอบสไตล์การตกแต่งบ้านแบบไหน เพื่อจะขยายผลต่อไปที่ขั้นตอนการตามหาเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหลัก รวมไปถึงของตกแต่งชิ้นเล็กชิ้นน้อย ที่จะมาประกอบให้ภาพฝันนั้นสมบูรณ์แบบ ว่าแต่…สไตล์ที่เราชอบนั้นมีชื่อเรียกว่าอะไร เหมาะกับเฟอร์นิเจอร์แบบไหน วันนี้พาไปรู้จักให้มากขึ้นพร้อมกับจุดเด่นของแต่ะละแบบ เพื่อให้ได้มาซึ่งแบบเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกใจกันค่ะ
5 สไตล์การตกแต่งบ้านแบบต่างๆ
1. Luxury
ได้รับอิทธิพลมาจากการสถาปัตยกรรมของพระราชวังในประเทศแถบยุโรป เดิมทีเน้นความยิ่งใหญ่ หรูหรา ประดับประดาด้วยของตกแต่งสีทองหรือวัสดุที่สะท้อนไฟ ระยิบระยับ บนผนัง เสา ตกแต่งด้วยคิ้วบัว ลายฉลุ และ ภาพวาดจิตรกรรม แต่ในปัจจุบันการตกแต่งสไตล์ลักชูรีมีการลดทอนรายละเอียดยิบย่อยเหล่านั้นลงไป คงไว้ซึ่งความหรูหราที่สื่อสารผ่านการเลือกใช้วัสดุที่พรีเมี่ยมจากแหล่งผลิตที่มีการการันตี รวมถึงความลงตัวของรูปทรงของเฟอร์นิเจอร์ ผิวสัมผัส และสีที่มีความสวยงามตามธรรมชาติของวัสดุนั้น ๆ อาทิ การเลือกใช้หินอ่อน หนัง โลหะประเภทผิวมันวาวอย่าง สแตนเลส ทองแดง โครเมียม สามารถแบ่งโทนสีที่นิยมแต่งได้ดังนี้
โทนสีครีม สีน้ำตาล
เน้นของตกแต่งที่เป็นสีเงิน โลหะมันวาว หินอ่อนสีขาว หรือเทาอ่อน ๆ ของตกแต่งจะเป็นประเภทเครื่องแก้ว และคริสตัลที่สะท้อนไฟระยิบระยับ
โทนสีทอง
เน้นการใช้ผ้าโทนสีเบจ สีขาว ผ้ากำมะหยี่ หรือผ้าที่มีความแวววาว โครงของเฟอร์นิเจอร์ หรือแม้แต่เส้นคิ้วของงานบิวท์อินส่วนใหญ่เลือกใช้สีทอง สามารถใช้คู่กับหินอ่อนสีเข้ม หรือสีอ่อนก็ได้เช่นกันค่ะ
โทนสีดำ สีเทา
เพื่อไม่ให้ห้องดูอึดอัดเกินไป สีดำจึงถูกใช้เป็นสัดส่วนที่น้อยของพื้นที่ห้องทั้งหมด เช่นโซฟาหนังแท้สีเข้มเน้นการให้ของตกแต่งที่เป็นหินอ่อน เพิ่มวัสดุที่ทำจากกระจก แก้ว และโลหะสีทองเพื่อไม่ให้ห้องดูทึบเกินไป
2. Modern
ได้รับอิทธิพลมาจากช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรมหรือราว ๆ ศตวรรษที่ 18 ประชาชนช่วงนั้นให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากรให้คุ้มค่า และตัดสิ่งที่ฟุ่มเฟือยออกหรือจะกล่าวว่า สไตล์โมเดิร์นคือการลดลายละเอียดยิบย่อยของสไตล์ลักซูรีลงไปก็ว่าได้ การตกแต่งสไตล์โมเดิร์นจึงเน้นไปที่การวางพื้นที่ในห้องให้มีความโปร่ง โล่ง สบาย ด้วยการเพิ่มระยะความสูงของบานหน้าต่างและประตู จัดวางเฟอร์นิเจอร์อย่างเป็นระเบียบ เน้นความลื่นไหลของพื้นที่แต่ละส่วนที่เชื่อมกัน ไม่ก่อผนังทึบ ใช้สีน้อยลงโดยเน้นไปที่สีในโทนสว่างอย่างสีขาว สีเบจ สีเทา เพิ่มความน่าสนใจได้ด้วยการเลือกใช้โทนสีอ่อน สลับเข้ม
รูปแบบเฟอร์นิเจอร์ในสไตล์โมเดิร์นเน้นเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นรูปทรงเลขาคณิต เห็นเหลี่ยมและมุมที่ชัดเจน มีการใช้วัสดุกึ่งเงากึ่งด้านมากขึ้น ด้วยความอยู่สบายที่ปรับเปลี่ยนมาให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้นทำให้การตกแต่งสไตล์โมเดิร์นกลายเป็นสไตล์ที่อมตะ สวยได้นาน ไม่น่าเบื่อ ตกแต่งเพิ่มเติมได้ง่าย เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ได้หลากหลายรูปแบบ
3. Loft
เกิดขึ้นในยุค 40’s ในยุคที่โรงงานถูกทิ้งร้างมากมายจนมีผู้คนจับจองโรงงานว่าง ๆ เหล่านั้นทำเป็นที่พักอาศัย เริ่มแรกอาศัยอยู่บริเวณหลังคาของโรงงานก่อนจะขยับขยายจากการแอบอาศัย กลายเป็นสถานที่แสดงศิลปะของศิลปินในช่วงนั้นและมีอิทธิพลมาถึงปัจจุบัน สไตล์การตกแต่งบ้านแบบลอฟท์จะมีการปล่อยให้เห็นโครงสร้างแบบเปลือยเน้นโครงสร้างของอาคารที่ชัดเจน เปิดพื้นที่ค่อนข้างโล่งกว้าง เพดานสูง โดดเด่นด้วยการเลือกที่จะไม่ปิดผิวของวัสดุเดิมอาทิ ปูนเปลือย ไม้เก่า เหล็ก สนิม อิฐ รวมไปถึงผ้าหรือหนังที่มีผิวสัมผัสที่ค่อนข้างหยาบ มีการใช้แสงธรรมชาติเข้ามาช่วยเบรคความเข้ม หน้าต่างจึงจำเป็นที่จะต้องกว้างและใหญ่ เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัว เพื่อง่ายต่อการปรับเปลี่ยน
รูปแบบของโซฟาที่เหมาะกับการตกแต่งสไตล์ลอฟท์จะเน้นไปที่วัสดุที่ใช้บุอาจจะเป็นหนังเต็มผืนสีน้ำตาลเข้ม หรือน้ำตาลอมส้ม , สีเทา หรือสีดำ ให้เข้าผนังแบบปูนเปลือยหรือผนังก่ออิฐไม่ฉาบปูน เน้นไปที่ทรงเลขาคณิต เห็นเหลี่ยมมุมที่ชัดเจน หลีกเลี่ยงการใช้โซฟาที่มีจีบ ดึงดุม หรือวัสดุบุที่มีความมันวาว
4. Minimalist
เป็นสไตล์การแต่งบ้านที่น่าจะถูกใจคนที่ชอบความน้อยชิ้น การตกแต่งสไตล์มินิมอลเป็นการเน้นพื้นที่โล่ง เรียบง่าย ไม่ค่อยมีดีเทลทั้งในเรื่องของเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่ง แต่ละชิ้นที่ถูกเพิ่มเข้ามาต้องมีฟังก์ชั่นที่จำเป็นเช่นการจัดเก็บ ช่วยพลางสายตาจากของที่ดูไม่เข้ากัน คุมโทนสีแบบโมโนโทนที่ค่อนข้างสว่าง อาทิสีขาว สีครีม สีเทาอ่อน เอิร์ธโทน เล่นกับรูปทรงของเฟอร์นิเจอร์แต่ละชิ้นที่เน้นเส้นตรง มีการกลึงขอบให้โค้งมน ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย สบาย
รูปแบบของโซฟาสไตล์มินิมอลนั้นจึงต้องเลือกวัสดุบุที่มีสัมผัสขที่ไม่มันวาว โครงหรือขาควรจะเป็นไม้สีอ่อนหรือสีเรียบ ๆ ไม่มีลวดลาย ถึงแม้ว่าการตกแต่งสไตล์มินิมอลนี้จะมีเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้นแต่มากด้วยฟังก์ชั่น ที่เน้นไปที่ระบบการจัดเก็บ แอบซ่อนของรก ๆ ให้ยังคงหยิบใช้งานได้ง่าย และเป็นระเบียบในเวลาเดียวกัน ตามแนวคิด “Less is More”
5. SCANDINAVIAN
การตกแต่งสไตล์สแกนดิเนเวียที่ครองใจคนด้วยเอกลักษณ์แห่งความอบอุ่น มีจุดกำเนิดราว ๆ ปี ค.ศ.1950 ในประเทศในแถบสแกนดิเนเวีย หรือกลุ่มประเทศที่ตั้งอยู่ทางเหนือของทวีปยุโรป อย่าง ประเทศนอร์เวย์ ประเทศเดนมาร์ก ประเทศสวีเดน ประเทศฟินแลนด์ และประเทศไอซ์แลนด์ ซึ่งกลุ่มประเภทเหล่านี้มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ฤดูหนาวยาวนานประชากรส่วนใหญ่จึงใช้อยู่ที่บ้าน การตกแต่งบ้านเรือนของชาวสแกนดิเนเวียจึงเน้นไปที่การใช้วัสดุธรรมชาติ เช่นการใช้ไม้แอช ไม้โอ๊ก ไม้สน มาทำเฟอร์นิเจอร์
โดยโซฟาที่จะเหมาะกับการตกแต่งสไตล์สเกนดิเนเวียนนั้นควรออกแบบให้รู้สึกถึงความเป็นมิตร อบอุ่น เหมาะกับการผ่อนคลาย ด้วยดารลบเหลี่ยม แทนที่ด้วยความมน ลดท่อนสิ่งที่ไม่จำเป็นออกเหลือแต่หน้าที่เพื่อการใช้งาน สีที่ใช้ส่วนใหญ่จะเป็นสีเอิร์ธโทน อย่างสีครีม สีน้ำตาลอ่อน สีน้ำเงินอมเขียว ไม่มีลวดลาย เน้นฟังก์ชั่นที่เรียบง่าย เก็บของได้เยอะ หยิบใช้สะดวก มีของสะสมตกแต่งตามมุมต่าง ๆ ของบ้านตามเทศกาล ภายในบ้านแซมด้วยต้นไม้ใบสีเขียวเข้ม ช่วยเติมให้ห้องดูไม่น่าเบื่อ ประดับประดาด้วยโคมไฟ เทียนหอม และเตาผิง อยู่ตามมุมต่าง ๆ
เอกสารอ้างอิง
ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ fecebook Dizaini1984
เรียบเรียงข้อมูลโดยเว็บไซต์ Dizaini1984